เห็ดหลินจือ  ได้ถูกจัดให้เป็นสมุนไพรในอันดับต้นๆ  ที่ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์หลายประเทศ ทำการวิจัย ตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมี ทางชีวภาพ และเภสัชวิทยาสมัยใหม่ พบว่าภายในเห็ดหลินจือ มีกลุ่มสารที่สำคัญหลายชนิดและในกลุ่มสารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย พบว่ามีกลุ่มสารสำคัญ 2 ชนิด ได้แก่

 
  1.กลุ่มสารไตรเทอร์ปินนอยด์ (Triterpenoids )
 
  2.กลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์  (Polysaccharides)
 

       โดยกลุ่มสารทั้ง 2 ชนิด จะให้ประโยชน์ต่อผู้ป่วยแตกต่างกันไปคือ

 
 
 

       1. กลุ่มสารไตรเตอร์ปินนอยด์  (Triterpenoids )  จะมีสารสำคัญทางยาที่มีความแตกต่างกันกว่า 100 ชนิด  ที่แสดงฤทธิ์นการรักษาโรคคือ  กรดกาโนเดอริค ( Ganoderic acid A, B, C1, C2, D-K, R-Z ) และ  กรดลูซิเดนิค ( Lucidenic acid ) และยังพบอีกว่า การที่จะได้สารทุกชนิดในกลุ่มนี้ออกมาเพื่อใช้ประโยชน์ทางยา  การสกัดต้องใช้ เอทานอล เป็นตัวทำละลายเห็ดหลินจือเท่านั้น  เนื่องจากสารกลุ่มนี้ไม่ละลายในน้ำ

 

       ปัจจุบันพบว่า  ได้มีการจดสิทธิบัตรสารไทรเตอร์ปินนอยด์แฟรกชั่นของเห็ดหลินจือ  ทำเป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูง โดยมีข้อบ่งชี้ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต

 

       และมีการจดสิทธิบัตรสารกาโนโดสเตอโรน(Ganodosterone) ที่อยู่ในกลุ่มของไตรเทอร์ปินอยด์ โดยทำเป็นยาเม็ด  5 mg.มีข้อบ่งชี้ใช้กระตุ้นการทำงานของตับ ( Liver function stimulant ) เนื่องจากเป็นสารที่ มีฤทธิ์ในการลดสารที่เป็นพิษต่อตับ ในประเทศเกาหลีใช้ เป็นยาบำรุงตับโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นโรคตับแข็ง  ตับอักเสบ  และใช้บำรุงตับในพวกที่ชอบดื่มสุรา  

 

       สำหรับกลุ่มสารไตรเตอร์ปินนอยด์ (Triterpenoids ) ของเห็ดหลินจือพอจะสรุปได้ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคได้หลายชนิด เช่น      

 
  • โรคภูมิแพ้  

 
  • โรคความดันโลหิตสูง
 
  • โรคไขมันในเส้นเลือดสูง
 
  • ปกป้องตับ  ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในตับ
 
  • และช่วยต่อต้านสารที่มีพิษต่อตับ
 
  • ต่อต้านเชื้อไวรัส  HIV
 

       2. กลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์  (Polysaccharides)เป็นกลุ่มสารที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือ  และมีตัวยาสำคัญหลายชนิดที่แสดงสรรพคุณรักษาโรคได้หลายชนิดเช่นกัน

 

      สำหรับสารที่มีสรรพคุณทางยาที่อยู่ในกลุ่มของโพลิแซ็กคาไรด์ คือ กาโนเดอแรนส์ ( Ganoderans A, B, C )และสารเบต้าดีกลูแคน (Beta -D- Glucan) ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิด บี-เซลล์ (B-cells) และทีเซลล์ ( T-cells ) สารกลุ่มนี้สามารถใช้น้ำเป็นตัวทำละลายเห็ดหลินจือ สกัดเอาสารออกมาใช้ประโยชน์ทางยาได้ โดยการต้มด้วยน้ำร้อน

  

       สำหรับกลุ่มกลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์  (Polysaccharides) ของเห็ดหลินจือ พอจะสรุปได้ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคได้หลายชนิด เช่น             

 
  • มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง

 
  • ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของ กล้ามเนื้อหัวใจ
 
  • เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
 
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
 
  • ต่อต้านสารแพ้
 
  • ต่อต้านเชื้อไวรัส เริม  งูสวัด  และเชื้อ HIV
 
  • ลดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เคมีบำบัดและรังสีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
 
  • ฟื้นฟูไตเสื่อม ไตวายเรื้อรัง ไข่ขาวรั่ว
 

          และถ้าสกัดเอาสารทั้ง 2 ชนิดนี้ มาร่วมอยู่ในแคปซูลเดียวกัน ย่อมให้ประโยชน์ผู้ป่วย ได้อย่างครบถ้วน  ส่งเสริมให้สุขภาพของผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

         ปัจจุบันยาเห็ดหลินจือที่ได้รับการพัฒนาสกัดเอาสารทั้ง 2 ชนิดนี้ รวมอยู่ในแคปซูลเดียวกันสามารถทำได้สำเร็จแล้ว คือยาเห็ดหลินจือสกัด GP2

 

         โดยการรับรองจากสถาบัน  Quality Herbal Product ProjectFaculty of pharmacy Mahidol University เป็นผู้ตรวจสอบกลุ่มสารไตรเตอร์ปินนอยด์  (Triterpenoids ) 

คลิกอ่านข้อมูล

 

ยาเห็ดหลินจือสกัด Gp 2   มีความหมายดังนี้

 
  G หมายถึง สารกาโนเดอริคในกลุ่มสารไตรเตอร์ปินนอยด์

 

P หมายถึง สารโพลิแซ็กคาไรด์

 

2 หมายถึง มีสาร 2 ชนิดอยู่ในแคปซูลเดียวกัน
 

สำหรับขนาดและวิธีใช้

ารใช้ยาสกัดที่ได้มาตรฐานใน  1  แคปซูล  ใน1 แคปซูลควรมีสารสกัดได้มาจากวัตถุดิบที่เป็นเห็ดแห้ง  1  กรัม  ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกในการคำนวณใช้ ดังนี้

 
1. บำรุงร่างกาย ครั้งละ 1-2  แคปซูล  วันละ 3 เวลา  ก่อนอาหาร
 
2. ป่วยเล็กน้อย  ครั้งละ    3  แคปซูล  วันละ 3 เวลา  ก่อนอาหาร
 
3. ป่วยมาก        ครั้งละ    5  แคปซูล  วันละ 3 เวลา  ก่อนอาหาร
 
 

กรณีป่วยหนัก เช่นเป็นโรคมะเร็ง   พบว่าผู้ป่วยปรับขนาดการกินมากกว่าที่กำหนดโดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง

www.lingzhibook.com

 
 

 

คลิกดูสินค้า

 

ขอคำปรึกษา 081-928-1050