|
|
ประกอบด้วยตัวยาสมุนไพร 3 ตำรับ |
|
|
|
1. สูตรยาหลัก
จะใช้แคปซูลเจียวกู้หลานผสมอบเชยแบบสกัดเป็นยาหลัก
|
|
โดยรับประทานวันละ 2 เวลา เช้า 1 เม็ด
เย็น 1 เม็ด เป็นมาตรฐานเริ่มต้นก่อนหลังจากที่ใช้ไปผู้ใช้ต้องสังเกตด้วยตนเองว่าได้ผลหรือไม่
ในโรคเบาหวานผู้ใช้ควรมีเครื่องตรวจวัดน้ำตาลไว้ประจำตัว
เพื่อตรวจวัดค่าน้ำตาลว่าสูงหรือต่ำ |
|
การตรวจวัดน้ำตาล |
|
สมัยนี้เขาจะตรวจวัดน้ำตาลหลังรับประทานอาหาร 2
ช.ม จะไดค่าที่แม่นยำที่สุดไม่จำเป็นต้องอดอาหาร 8 ช.ม แบบเก่า |
|
|
|
|
|
การใช้สมุนไพรให้ได้ผล
ผู้ใช้ต้องปรับขนาดการกินยาให้ตรงกับระบบธาตุของตนเองจึงจะได้ผลดี
|
สาตุที่กินยาไม่ได้ผลเกิดจากผู้ใช้ไม่ได้ปรับขนาดการกินให้ตรงกับ
ขนาดของโรค และต้องให้ตรงกับระบบธาตุของตนเอง
เพราะในคนแต่ละคนจะมีระบบธาตุไม่เท่ากัน บางคนธาตุหนัก
ต้องกินยามากเม็ดจึงจะได้ผล แต่ในบางคนธาตุเบา
กินยาเล็กน้อยก็ได้ผล |
|
ลักษณะอย่านี้ในทางแผนปัจจุบันเขาเรียกว่าความไวของยา(
Sensitivity of the drug ) ในแต่ละคน |
|
จะไม่เท่ากัน
เช่น บางคนปวดหัว กินยาแก้ปวดหัวแค่ 1 เม็ดก็หายปวดได้
แต่ในบางคนอาจต้องกิน 2-3 เม็ดจึงจะหายปวด
การกินยาสมุนไพรก็เช่นกัน
ผู้ป่วยต้องปรับยาให้ตรงกับขนาดของโรคและระบบธาตุของตนเองหรือความไวของยาของตนเอง
ซึ่งในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน
หากไม่เข้าใจควรปรึกษาแพทย์หรือผู้รู้จะช่วยให้การใช้ยาได้ผลดีและปลอดภัย
|
|
|
|
2. สูตรยารอง ตัวที่ 1
จะใช้แคปซูลผักขึ้นฉ่ายแบบสกัดเป็นยารองตัวที่ 1 |
|
|
การใช้ยารองเข้ารวมกับยาหลัก
เป็นการใช้อย่างมีเหตุผลและมีหลักการให้เชื่อว่า |
ควรใช้
หรือจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน
ไม่ได้มีปัญหาที่น้ำตาลในเลือดสูงเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมีโรคแทรกตามมาอีกหลายชนิด
โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง
ที่อาจนำไปสู่เส้นเลือดในสมองแตกถึงแก่กรรม
หรือไม่ก็กลายเป็นอัมพฤต อัมพาต
เป็นภาระให้แก่ญาติไปตลอดชีวิต |
แคปซูลผักขึ้นฉ่าย ฝรั่งเรียก
Celery
ใช้ลดความดันโลหิตสูงกันอย่างแพร่หลาย |
|
ชาวเอเชียรู้จักใช้ขึ้นฉ่ายเป็นยาลดความดันมาประมาณ
2000 ปี
ชาวจีน ชาว |
|
|
เวียดนามแนะนำให้รับประทานขึ้นฉ่ายวันละ
4 ต้น
เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ
เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูง |
|
การับประทานวันละ 2 เวลา เช้า 1 เม็ด เย็น 1
เม็ด เป็นมาตรฐานเริ่มต้นก่อน
หลังจากที่ใช้ไปผู้ใช้ |
ต้องสังเกตด้วยตนเองว่าได้ผลหรือไม่
ในโรคเบาหวานผู้ใช้ควรมีเครื่องตรวจวัดความดันโลหิตไว้ประจำตัว
เพื่อตรวจวัดค่าความดันของตนเองทุกวันว่าสูงหรือต่ำ
ถ้าสูงก็ต้องปรับขนาดยาตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้น ( ข้อ 1
) บางคนอาจต้องกินยา 2 เม็ดเช้าเย็น
หรือมากว่าจึงจะได้ผล โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างไร
เพราะเป็นพืชผักที่กินกันมานานนับ 1,000 ปี |
|
|
3. สูตรยารอง
ตัวที่ 2 จะใช้ยาเห็ดหลินจือสีดำสกัดเป็นยารองตัวที่
2 |
|
การใช้ยารองเข้ารวมกับยาหลักตัวที่ 2
เนื่องจากผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานมักมี |
โรคไตวายเรื่อรังเข้าแทรก
อันเกิดจากโรคแทรกซ้อนที่หลอดเลือดเล็กที่เรียกว่า
Microvacular
อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคไต
เนื่องจากไตทำงานหนักเพราะไตต้องทำหน้าที่ขับน้ำตาลส่วนเกินในกระแสเลือด
และในที่สุดก็จะเกิดภาวะไตวาย ต้องได้รับการฟอกไตทุกสัปดาห์ |
การใช้เห็ดหลินจือสายพันธุ์สีดำเข้ารวมรักษา
ก็เป็นการช่วยลดภาวะการเป็น |
|
โรคไตของผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานได้
มีผู้ป่วยโรคไตเป็นจำนวนมากนำไปใช้ได้ผลจริงตามรายงานการศึกษาและวิจัย
โดยแพทย์จุฬาได้ศึกษาไว้
ระบุสรรพคุณสร้าง |
|
|
|
สมดุลให้ระบบภูมิคุ้มกัน
เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของไต
รักษาโรคไตวายเรื้อรังด้วยสารสกัดเห็ดหลินจือ
ทีมวิจัยค้นคว้ารักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เนฟโฟรสิส ชนิด
focal segmental sclerosis
ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ โดยเปลี่ยนให้รับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือ
วันละ 750-1,000
มิลลิกรัม
พบว่าช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานของไตให้ดีขึ้น
อีกทั้งภาวะเนื้อไตตายลดลงอย่างชัดเจน
ซึ่งเป็นการรักษา 2 ทางที่เรียกว่า
Complementary treatment
หมายถึงการรักษา ระหว่างแพทย์แผนปัจจุบัน
ควบคู่ไปกับแพทย์ทางเลือก
Alternative medicine
ดังกล่าวไว้ข้างต้น |
|
ปริมาณของสารจากเห็ดหลินจือที่ใช้ในการรักษาได้นั้นจะอยู่ประมาณ
750-1,000
mg
ต่อวัน |
ก็ประมาณวันละ
1-2 แคปซูล ก่อนอาหาร เช้าเย็น
เป็นมาตรฐานเริ่มต้นก่อน ( 1 แคปซูล ๆละ 510
mg ) |
|
การใช้สามารถปรับขนาดเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
ตามอาการของโรคที่เป็นอยู่หรือ ความไวของยาในแต่ |
|
ละคนที่ไม่เท่ากัน ดังกล่าวไว้ข้างต้นเช่นกัน
|
|
|
|
|