ผลงานวิจัยที่สำคัญ

          ผักขึ้นฉ่าย เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานอย่างไร  คำตอบคือผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานมักจะมีโรคหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูงเข้ามาแทรก และการที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดภาวะความดันโลหิตสูง  จะทำให้หลอดเลือดเสื่อม  อันสืบเนื่องมาจากแรงดันเลือดที่ออกมาจากหัวใจมีแรงดันสูงขึ้น  ทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมเร็ว  ขาดความยืดหยุ่น และเปราะแตกง่าย  พบว่ากว่า 35 - 73 % ของผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จะมีอัตราเสี่ยงสูงใน กรณีที่เส้นเลือดในสมองแตก ปัจจุบันพบบ่อยมาก   ทำให้กลายเป็นอัมพาต หรือถึงแก่กรรมได้

        ผักขึ้นฉ่ายมีชื่อภาษาอังกฤษว่า เซอลารี (Calery) สมอลเลจ (Smaleage) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เอปิอัม กราวีโอเลนส์ จัดอยู่ในวงศ์ อัมบรีลิฟีรี (Apium graveolens L. Umbreliferae) แตกต่างกันไป

       ผักขึ้นฉ่ายมีโพแทสเซียมสูง ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคปวดข้อ เช่น รูมาติกและโรคเกาต์ มีโซเดียมอินทรีย์ที่สามารถช่วยปรับความเป็นกรดและด่างในเลือดให้สมดุล น้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายมีสรรพคุณเป็นยากล่อมประสาท ทำให้รู้สึกสบาย และนอนหลับได้ดี

         ผักขึ้นฉ่ายมีคุณค่าทางโภชนาการคือ ประกอบด้วย ไกลโคไซด์ ชื่อ เอพิอิน (apiin) โปรตีนคาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี โซเดียม น้ำมันหอมระเหย 2 – 3 %ประกอบด้วยสารสำคัญ คือ ไลโมนีน (limonene) ซีลินีน (selinene) สาร 3-บิวทิลพทาไลโดส์ (3-butylphthalidoes) สาร พโซราเลนส์ (psoralens) และสารโพลีอซิทิลีน (polyacetylene) ซึ่งสาร พาทาไลโดส์ (phthalides)และสารโพลีอซิทิลีน เป็นสารต้านมะเร็งโดยทำให้สารก่อมะเร็งหมดฤทธิ์  โดยเฉพาะสารก่อมะเร็งที่เกิดจากบุหรี่ และยังมีสารเอพิอินมีสรรพคุณแก้ชัก (ทดสอบในหนูทดลอง)

          ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของขึ้นฉ่ายพบว่า ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์สนับสนุนการใช้ที่มีมาแต่โบราณ คือ

          ทั่วโลกรู้จักใช้ขึ้นฉ่ายเป็นยาลดความดันโลหิตสูงมานานกว่า 2,000 ปี   ฝรั่งทำเป็นเม็ด นิยมใช้เสริมอาหารกันอย่างแพร่หลาย 

          พบว่าในกลุ่มคนที่ไม่สามารถใช้ยาแผนปัจจุบันรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากแพ้ยา  หรือบางคนดื้อยาจนไม่มียาให้กิน  ได้ใช้ผักขึ้นฉ่ายแบบสกัดบรรจุแคปซูล พบว่า สามารถลดความดันให้เป็นปกติ

         โรคความดันโลหิตสูง  เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ต้องกินยา ควบคุมไปตลอดชีวิต  หากหยุดยาเมื่อไหร่ความดันของโลหิตอาจกลับมาสูงได้อีก เช่นเดียวกับโรคหัวใจที่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต ถ้าหยุดกินยาเมื่อไหร่  ก็อาจหัวใจวายถึงแก่กรรมได้ 

          ด้วยเหตุผลนี้ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานและมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยอย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาด  เพราะปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เนื่องจากเส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพองทำให้เส้นเลือดในสมองแตก เป็นภาระให้กับญาติเพราะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

      ด้งนั้นการใช้สมุนไพรผักขึ้นฉ่ายร่วมกับยารักษาเบาหวานในผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงเป็นเรื่องไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพราะเป็นการป้องกันและลดอัตราเสี่ยงต่อโรคแทรกความดันโลหิตสูง   

          ปัจจุบันการเป็นอัมพาตยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้ หมดโอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติไปตลอดชีวิต

          ปี 2550 พบผู้ป่วยเบาหวานแล้วถึง 246 ล้านคน โดยผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลก 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชียเบาหวาน เป็นโรคที่เป็นกันมากขึ้นทุกปีจนมีการกำหนดให้วันที่ 14 พฤษจิกายน ของทุกปีเป็นวันเบาหวานโลกเพื่อให้มีการรณรงค์ป้องกันให้เป็นที่แพร่หลายขึ้น

ข้อมูลประกอบเรื่อง

งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ผ่ายวิจัยและบริการวิชาการ  คณะทรัพยากรธรรมชาติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตหาดใหญ่

องค์การบริหารตำบลบางสะแก ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เสาร์ที่ 6 ก.พ. 2553