ารเลือกซื้อเห็ดหลินจือ

 
 

 

ชนิดแคปซูล  
 

                                  แนะนำให้ใช้ชนิดที่เป็นยาสกัดเท่านั้น   และวิธีพิสูจน์มี  2 วิธีดังนี้

1. ให้ดูฉลากที่ข้างขวดยา  จะต้องมีเขียนคำว่ายาสกัด    ถ้าไม่มีเขียนคำว่ายาสกัดแสดงว่าเป็นยาบดแน่นอน

2.  ถอดแคปซูลออก  เทผงยาลงในน้ำร้อน ( น้ำที่ใช้ชงกาแฟ )  แล้วใช้ช้อนคนให้ทั่ว   ถ้าเป็นยาสกัดจะต้องละลายน้ำได้หมดไม่มีกากเหลือให้เห็น  แต่ถ้าเป็นยาบดจะมีตกตะกอนให้เห็นเป็นกาก  มีลักษณะคล้ายขี้เลื่อย   ถ้าเป็นแบบนี้ คือยาบดแน่นอนไม่สนับสนุนให้ใช้ เพราะได้ประโยชน์ทางยาน้อยมาก

สมุนไพรสกัดหมายถึงอะไร

            สมุนไพรสกัดหมายถึง  การนำเอาตัวยาของสมุนไพรออกมา   แล้วเอากากสมุนไพรทิ้งไป   ตัวอย่างเช่นถ้าเราต้องการกินวิตามินซีวันละ 500 มิลลิกรัม  เราอาจต้องกินมะนาววันละ 50 ลูก แต่ถ้าเป็นวิตามีนซีแบบสกัดเรากินเพียงวันละ 1 เม็ด ก็จะได้วิตามินซี  500 มิลลิกรัม เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นภาพที่ชัดเจนว่า  ยาสกัดย่อมให้ประโยชน์ที่สูงกว่า  และมีความเข้มข้นของตัวยามากกว่า   ดังนั้นการกินเห็ดหลินจือแบบที่เป็นยาสกัดบรรจุแคปซูล   ย่อมดีกว่าการกินเห็ดหลินจือที่เป็นยาบดบรรจุแคปซูล

เห็ดหลินจือไม่มีสกัดเย็น

               ความจริงที่ต้องพูด   มีคนถามกันมากเรื่องเห็ดหลินจือสกัดเย็นในที่นี้ขอตอบว่าไม่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าทำได้  ถ้าใครมีช่วยแสดงด้วย เพราะเชื่อว่าโฆษณาเกินจริง.

                เพราะจากหลักฐานทางวิชาการพบว่าพืชที่สามารถสกัดเย็นได้ต้องเป็นพืชที่มีน้ำและสามารถคั้นเอาน้ำออกมาเป็นสารตั้งต้นได้  แต่เห็ดหลินจือไม่มีน้ำให้คั้นออกมาเป็นสารตั้งต้นได้  เนื่องจากมีลักษณะเป็นเปลือกไม้แห้ง  แล้วจะสกัดเย็นได้อย่างไร  ใครมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์โปรดแสดงด้วย โดยจะขออธิบายการสกัดเย็นที่เป็นวิชาการ  และมีกระบวนการสกัดดังนี้

        1. การสกัดเย็น สารตั้งต้นจะต้องมาจากการคั้นเอาน้ำที่มีอยู่ในพืชออกมาได้  แล้วใช้น้ำที่คั้นออกมาเป็นสารตั้งต้นในการสกัดเย็น   

       2. ในเมื่อพืชที่สามารถสกัดเย็นได้ จะต้องเป็นพืชที่สามารถคั้นเอาน้ำออกมาเป็นสารตั้งต้นได้ เช่น ส้ม สามารถคั้นเอาน้ำส้มออกมาเป็นสารตั้งต้นได้  แต่เห็ดหลินจือจะคั้นเอาน้ำออกมาจากตรงไหนมาเป็นสารตั้งต้น  เนื่องจากมีลักษณะเป็นเปลือกไม้แห้ง 

        3. กระบวนการสกัดเย็นเมื่อคั้นเอาน้ำออกมาเป็นสารตั้งต้นได้แล้ว   ก็จะนำน้ำคั้นที่ได้ไปแช่เย็นให้เป็นน้ำแข็ง  จากนั้นจะนำไปเข้าตู้ปิดสนิท  แล้วใช้เครื่องปั้มลมดูดเอาไอละเหยก้อนน้ำแข็งออกจากตู้ที่ปิดสนิท  จนก้อนน้ำแข็งแห้งสนิทเหลือแต่สารสกัดที่ตกค้างอยู่  ตรงนี้เรียกว่าสารสกัดที่ได้จากการสกัดเย็น  จากนั้นจะนำสารสกัดที่ได้ไปเข้าเครื่องบดให้ละเอียดให้ได้ขนาด 100 เมท แล้วนำไปบรรจุแคปซูล  เพื่อใช้บริโภคต่อไป

         นี้คือกระบวนการสกัดเย็นที่เป็นวิทยาศาสตร์   ที่ต้องได้สารตั้งต้นมาจากพืชที่คั้นน้ำได้  แต่เห็ดหลินจือคั้นน้ำเป็นสารตั้งต้นไม่ได้เพราะมีลักษณะเป็นเปลือกไม้แห้ง  ถามว่าแล้วจะสกัดเห็ดหลินจือแบบเย็นได้อย่างไร  โปรดอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์ด้วย  ไม่อยากให้เอาคำว่าสกัดเย็นมาพูดหาประโยชน์เพื่อให้ขายของได้  ทำให้หลักวิชาการสับสน  ถูกเบี่ยงเบนให้ผู้คนเข้าใจผิด  เป็นอันตรายต่อวงการวิทยาศาสตร์ในการเรียนการสอนต่อไปในอนาคต  หากใครมีข้อมูลที่ให้เชื่อได้ว่าทำได้จริง และเป็นวิทยาศาสตร์  ก็จะยอมรับ  แต่จะให้เชื่อเพียงลมปากโดยขาดหลักฐานคงยอมรับกันไม่ได้นะครับ

หมายเหตุ  ยังมีอีกเรื่อหนึ่งจำเป็นต้องพูดเพราะมันจะไปกันใหญ่  ทำให้หลักการทางวิชาการเสียหาย  ประชาชนสับสน เรื่องดอกกับรากเห็ดหลินจือ ความจริงก็คือในโลกนี้ไม่เคยเห็นรายงานทางวิทยาศาสตร์ว่าเห็ดหลินจือมีรากนะครับ   เท่าที่สืบค้นพบว่า  เขาเรียกว่าส่าที่ใช้หาอาหารไปเลี้ยงดอกเห็ด  แต่คำว่ารากเห็นมีใช้กับต้นไม้นะครับ ทีสำคัญการจะเอาส่าของเห็ดหลินจือมาทำยาคงจะยากมากเพราะส่าของเห็ดหลินจือจะอยู่ในตอไม้หรือในแกลบตามดินที่ผุพัง  ไม่สะอาดพอที่จะใช้ทำยาครับ

ปัจจุบันการสกัดเห็ดหลินจือ ที่นิยมทำกันมี 2 วิธี คือ

             1. สกัดโดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย  ด้วยวิธีการต้ม จะได้สารสกัดประเภทที่ละลายน้ำคือกลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์  (Polysaccharides)  

สารสกัดกลุ่มนี้มีสรรพคุณ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง  ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ  เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย  ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด  ต่อต้านสารแพ้   ต่อต้านเชื้อไวรัส เริม  งูสวัด  และเชื้อ HIV ลดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เคมีบำบัดและรังสีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง

สำหรับสารที่มีสรรพคุณทางยาคือ กาโนเดอแรนส์ (Ganoderans A, B, C ) และสารเบต้าดีกลูแคน ( Beta-D-Glucan )ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด บี-เซลล์ ( B-cells ) และทีเซลล์ ( T-cells ) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ  สารอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin)         สารอินเตอร์ลิวคิน (Interleukins) ซึ่งเป็นสารสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน    นอกจากนี้กลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์  ยังต่อต้านออกซิเดชันและกำจัดอนุมูลอิสระ (Antioxidation and radical scavenging  activity )  ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญของเห็ดหลินจือ  ที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระไฮดร๊อกซิล ( hydroxyl radicals )และอนุมูลอิสระซุปเปอร์ออกไซด์ ( Superoxide radicals )

              2. สกัดโดยใช้เอทานอลชนิด 95 % เป็นตัวทำละลายจะได้สารสกัดประเภทที่ละลายในเอทานอลแต่ไม่ละลายในน้ำ  คือกลุ่มสารไตรเทอร์ปินนอยด์ชนิดขม ( Bitter Triterpenoids )

เป็นสารสำคัญทางยาที่มีความแตกต่างกันกว่า 100 ชนิด   ใช้รักษาโรคภูมิแพ้   โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเส้นเลือดสูง ปกป้องตับ  ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในตับ   และช่วยต่อต้านสารที่มีพิษต่อตับ

สารที่มีส่วนสำคัญในการรักษาโรคคือ  กรดกาโนเดอริค ( Ganoderic acid A, B, C1, C2, D-K, R-Z ) และ  กรดลูซิเดนิค ( Lucidenic acid )ปัจจุบันมีการจดสิทธิบัตรสารไตรเทอร์ปินนอยด์แฟรกชัน   ของเห็ดหลินจือ  โดยมีข้อบ่งชี้ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต

และยังมีการจดสิทธิบัตรสารกาโนโดสเตอโรน(Ganodosterone)  เป็นยาเม็ด  5 mg.โดยมีข้อบ่งชี้ใช้กระตุ้นการทำงานของตับ (Liver function stimulant ) เนื่องจากเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการลดสารที่เป็นพิษต่อตับ ในประเทศเกาหลีใช้เป็นยาบำรุงตับโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นโรคตับแข็ง  ตับอักเสบ  และใช้บำรุงตับในพวกที่ชอบดื่มสุรา  

เพราะฉะนั้นการจะนำเอาสารสกัดที่สำคัญของเห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์ทางยา   ถ้าสามารถสกัดโดย 2 วิธีนี้   แล้วนำสารที่ได้มารวมอยู่ในแคปซูลเดียวกันถือว่า  เป็นยาเห็ดหลินจือที่สมบูรณ์แบบที่สุด    มีคุณค่าน่าใช้ถือเป็นมรดกทางยาที่บรรพบุรุษได้ศึกษาไว้ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปี  และยังคงใช้ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน                                  

25

  
     
  กลับ        

หน้าต่อไป

 
     
 
 

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย